เชื่อว่าสาวๆ หลายคนยามนี้อาจขอเลือกการอยู่เป็นโสด อยู่กับตัวเองมากกว่า ไม่ว่าจากสาเหตุอะไรก็ตาม แต่ก็นั่นล่ะ ถึงจะแฮปปี้แค่ไหน แต่ความเสี่ยงของคนโสดมันก็มีอยู่มากนะ
ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงทางด้านสุขภาพและจิตใจ และโรคที่มาพร้อมกับความโสดนั้นมีอยู่มากมาย และนี่คือ 10 โรคสำคัญที่สาวโสดต้องระวัง
1.โรคไมเกรน
อาการปวดหัวไมเกรน ซึ่งโดยปกติแล้วผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย 3-4 เท่า อาการรู้สึกปวดศีรษะข้างเดียวหรือทั้งสองข้างอย่างรุนแรงสร้างความทุกข์ทรมาน บางคนอาจมีอาการอื่นๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน รวมถึงยังมีความรู้สึกไวต่อแสงและเสียงเพิ่มขึ้น
สาวโสดทั้งหลายที่ไม่อยากเป็นไมเกรน ต้องหาเวลาออกไปทำกิจกรรมคลายเครียด พบปะเพื่อนฝูง หาคนที่สามารถรับฟังปัญหาหรือระบายเรื่องเครียดๆ ได้โดยที่เราไม่ต้องเก็บมาคิดคนเดียวจนปวดหัว เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนบ้างนะ
2.โรคซึมเศร้า
บางครั้งสาวโสดอย่างเราก็เกิดอาการเหงา การอยู่คนเดียว ทำอะไรตัวคนเดียว แรงกดดันจากงาน สังคมรอบข้างหรือครอบครัว ไปจนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตก็ทำให้สาวโสดเกิดความเครียดและมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้
ลักษณะอาการของโรคอาจดูคล้ายกับอาการเศร้าหรือเสียใจทั่วๆ ไป แต่ผลกระทบนั้นรุนแรงและเกิดขึ้นยาวนานกว่า บางทีตัวผู้ป่วยเองหรือคนรอบข้างอาจไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ
3.ช็อคโกแลตซีสต์
ช็อกโกแลตซีสต์เป็นอาการที่เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติภายในเยื่อบุโพรงมดลูก สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากประจำเดือนบางส่วนไหลย้อนกลับมาตกค้างอยู่บริเวณรังไข่ นานเข้าก็เกิดจุดหรือก้อนสีน้ำตาล ซึ่งจะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรงจนแทบลุกไม่ไหว หรือมีประจำเดือนมามากผิดปกติ ยิ่งสาวโสดยังไม่มีลูก โอกาสที่จะเกิดอาการปวดประจำเดือนหรือปวดบริเวณท้องน้อยจะมีมากกว่าผู้หญิงที่มีลูกแล้ว
ซึ่งการมีลูกจะช่วยลดโอกาสการเกิดช็อกโกแลตซีสต์ได้บางส่วนและในบางคน เพราะการตั้งครรภ์ 9 เดือน จะเป็นช่วงที่ร่างกายไม่มีประจำเดือน อาจทำให้ซีสต์ที่เป็นอยู่ฝ่อตัวและสลายไปในที่สุด
4.โรคอัลไซเมอร์
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยว่า คนที่แต่งงาน มีคู่ชีวิต มีแนวโน้มจะเสี่ยงโรคสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์น้อยลงกว่า 50% เมื่อเทียบกับคนโสดที่อยู่อย่างเหงา ๆ ตัวคนเดียว ที่อาจจะมีโอกาสพบเจอหรือพูดคุยกับคนอื่นได้น้อยกว่า หรือหากคุณเป็นคนโสดที่มีเพื่อนเยอะ และติดต่อกันอยู่ตลอด อันนี้ก็อาจจะรอดตัวก็ได้นะ
5.โรคมะเร็งเต้านม
โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคมะเร็งที่พบได้มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในผู้หญิงไทย เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ดังนั้นผู้หญิงแต่งงานแล้วมีบุตรและให้นมบุตรจะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมได้มากกว่าผู้หญิงโสด หรือผู้หญิงแต่งงานแล้วแต่ไม่มีลูก
เนื่องจากการให้นมบุตรช่วยลดฮอร์โมนเอสโตรเจนลงได้ นอกจากนี้สาวโสดที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงทั้งกินอาหารไขมันสูง ออกกำลังกายน้อย ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยก็ยิ่งเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมมากขึ้นไปอีก
6.มะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่เกิดจากเชื้อไวรัส HPV ซึ่งคนที่มีโอกาสติดเชื้อ ก็ได้แก่ คนที่มีคู่นอนหลายคน และมีเพศสัมพันธ์ในอายุยังน้อยกว่า 17 ปี กินยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลาหลายปี และมีประวัติการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เริม ซิฟิลิส หนองใน เป็นต้น ตลอดจนคนที่ไม่เคยเข้ารับการตรวจมะเร็งปากมดลูก
7.มะเร็งรังไข่
ปัจจัยที่ทำให้เกิดมะเร็งรังไข่ คือ การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง คนที่ได้รับการกระตุ้นการตกไข่ มีความเครียด สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้แป้งโรยในที่อับชื้นเป็นประจำก็มีโอกาสเสี่ยงเช่นกัน
และที่สำคัญ หญิงโสด เพราะการตรวจมะเร็งรังไข่ในระยะเริ่มแรกเป็นเรื่องที่พบได้ยาก เพราะเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งผู้ป่วยจะไปพบแพทย์ ด้วยอาการท้องโต หรือปวดท้องนั่นเอง
8.มะเร็งมดลูก
สาเหตุที่เกิดมะเร็งมดลูก ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด แต่ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงที่อยู่ในช่วงอายุ ระหว่าง 40 – 47 ปี ซึ่งกำลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นที่ส่งผลก็ คือ คนที่มีประจำเดือนมาตั้งแต่อายุยังน้อย และหมดประจำเดือนหลังอายุ 52 ปี คนที่มีน้ำหนักตัวมาก เป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง และที่สำคัญ สาวโสดอย่างเราๆนี่ไงค่ะ
9.“โรคบีดีดี” หรือโรคคิดหมกมุ่น (Body Dysmorphic Disorder :BDD )
โรคคิดหมกมุ่น เป็นโรคที่เกี่ยวกับการให้คุณค่าในรูปลักษณ์ของตนเองมากเกินไป คาดหวัง ไม่ยอมรับรูปลักษณ์ที่เป็นอยู่จนเกิดความทุกข์ เครียด วิตกกังวลซ้ำซาก ผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและสัมพันธ์ภาพกับคนอื่น ซึ่งเกิดจากค่านิยมความงาม ความเชื่อทางสังคม น่าห่วงเพราะอาจทำให้อัตราป่วยซึมเศร้าสูงขึ้น
เนื่องจากกระแสสังคมเรื่องความงามทั่วโลกคือทำให้ตัวเองดูดีขึ้นผ่านการโฆษณา ปัง เป๊ะ เว่อร์ เหมือนกับพรีเซนเตอร์ พยายามหาจุดตำหนิซ้ำๆ ที่น่าห่วงที่สุดคือผู้ที่ทำแล้วผลไม่เป็นไปตามที่หวัง ยิ่งกังวล ความเครียดจากการคิดหมกมุ่น กว่าร้อยละ 90 มีภาวะซึมเศร้า เก็บตัว หลีกหนีสังคม ร้อยละ 70 มีภาวะเครียดรุนแรง ร้อยละ20 มีการทำร้ายตัวเองในที่สุด
10.โรค Philophobia (โรคกลัวการตกหลุมรัก)
โรคกลัวความรัก (Philophobia) จัดเป็นโรคกลัวชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยจะรู้สึกกลัวการมีความรักหรือความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้อื่นจนไม่กล้าเริ่มต้น หรืออาจรุนแรงถึงขั้นส่งผลต่อการใช้ชีวิต ซึ่งความกลัวที่เกิดขึ้นอาจส่งผลให้บางคนมีอาการทางร่างกาย เช่น ตื่นกลัว มีเหงื่อออก หัวใจเต้นเร็ว หายใจลำบาก คลื่นไส้ เป็นต้น หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตและเสี่ยงทำให้ผู้ป่วยแยกตัวออกจากสังคมได้
“สาวโสดมักแพ้ทางเรื่องความรัก
แต่ลองหยุดคิดสักพัก
ว่าเรื่องความรัก
ต้องสำคัญรองจากสุขภาพ”
อย่างไรก็ดี เราไม่ได้บอกว่าการเป็นโสดนั้นแย่ ทว่าสิ่งที่อยากให้ตระหนักถึงก็คือ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะไหน ก็ควรดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ
นอกจากนี้ก็ควรดูแลสุขภาพจิตของตัวเองให้มีความสุขได้กับทุกสถานการณ์ เพราะหากทำได้อย่างที่ว่า โรคภัยไข้เจ็บก็คงมาเยือนคุณไม่ได้ง่าย ๆ
ZAZIO #ซาซิโอ #เสื้อยืดนุ่มพิเศษ #เสื้อยืดคอวี #เสื้อยืดมินิมอล #รักสุขภาพ