เวียดนาม ประเทศนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้เราได้บินไปเช็คอินกันอีกเยอะ ใช้เวลาเดินทางบินตรงก็แค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ที่สำคัญคือไม่ต้องใช้วีซ่าก็เข้าไปเที่ยวได้เลย ว่าแล้วก็ลองไปดูที่เที่ยวเวียดนามที่น่าสนใจกันเลย
ข้อดีหลักๆ ของเวียดนามก็คือเที่ยวง่าย เนื่องจากมีสถานที่เด่นๆ ในแต่ละเมือง ค่าใช้จ่ายไม่มากมายนัก เพราะค่าเงิน และค่าครองชีพส่วนใหญ่ค่อนข้างที่จะถูกกว่าไทย
01.บาน่าฮิลล์ ดานัง (Bana Hill, Danang)
บานาฮิลล์ (Ba Na Hills) แหล่งรวมความสนุกและความบันเทิงบนยอดเขาสูง อยู่ห่างจากตัวเมืองดานังประมาณ 40 กิโลเมตร เดิมเคยเป็นสถานที่พักผ่อนตากอากาศของชาวฝรั่งเศส เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หลังสงครามจบลง ชาวฝรั่งเศสพ่ายแพ้ จึงกลับประเทศไป ทำให้บานาฮิลล์ถูกทิ้งร้างนานหลายปี กระทั่งถูกบูรณะอีกครั้งในปี 2009 พร้อมกระเช้าลอยฟ้า 5,801 เมตรใช้เวลาถึง 50 นาทีในการนั่งกระเช้าเลยค่ะ
02.สะพานโกลเด้นบริดจ์ (Golden Bridge)
แหล่งท่องเที่ยวบนยอดเขาบานาฮิลล์ ที่เที่ยวใหม่เอี่ยมเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2561 ลักษณะเป็นสะพานลอยฟ้าสีทอง โค้งยาวไปตามแนวเขา มีอุ้งมือหินขนาดยักษ์แบกรับสะพานนี้เอาไว้ บอกเลยว่าถ้าไม่ได้ถ่ายรูปคู่สะพาน Golden Bridge ก็เหมือนมาไม่ถึงบานาฮิลล์ เหมาะที่จะมาเดินเล่นรับลมเย็น ๆ ท่ามกลางปุยเมฆขาวสะอาดตา ให้ความรู้สึกราวกับลอยล่องอยู่บนสวรรค์
03.อ่าวฮาลอง (Ha Long Bay)
อ่าวฮาลอง หรือฮาลอง เบย์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์กรยูเนสโกแล้ว ฮาลองเบย์ (Halong bay) เป็นอ่าวแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเวียดนาม และเป็นส่วนหนึ่งในอ่าวตังเกี๋ย มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 1,500 ตารางกิโลเมตร และมีชายฝั่งยาวเป็นระยะทางกว่า 120 กิโลเมตร พร้อมกับวิวทิวทัศน์ที่มองไปทางไหนก็สวยงาม
04.เมืองในเขา นาข้าว ซาปา (Sa Pa)
ซาปาเป็นเขตพื้นที่ตั้งอยู่บนเขาติดกับชายแดนประเทศจีน ทางเหนือของประเทศเวียดนาม ถ้าเดินทางมาที่นี่จากฮานอย เราจะสามารถเห็นแนวเทือกเขาแอลป์ได้ด้วยน้า ซาปาเป็นเมืองหนึ่งของเวียดนามที่เติบโตด้านการท่องเที่ยวอย่างรวดเร็วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าที่นี่จะค่อนข้างชนบทก็ตาม และสิ่งที่ทำให้หลายๆ คน อยากจะมาเช็คอินที่นี่นั่นก็คือ นาข้าวขั้นบันได ที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นความสวยงามของธรรมชาติที่มนุษย์ได้คิดสร้างสรรค์ขึ้น
05.ภูเขาทรายสองสี มุ่ยเน่ (The Sand Dunes of Mui Ne)
ภูเขาทรายสองสี (The Sand Dunes) ตั้งอยู่ในเมืองมุยเน่ เป็นพื้นที่เขตร้อนติดชายฝั่งทะเล ซึ่งสามารถเดินทางด้วยรถบัสจากโฮจิมินห์และดาลัทได้ ภูเขาทรายนั้นจะอยู่ออกห่างจากตัวเมืองประมาณ 6 กิโลเมตร และ 26 กิโลเมตร การจะไปเที่ยวภูเขาทรายทั้งสองที่นั้น แนะนำให้จองทัวร์ส่วนตัวกับโรงแรม หรือ เอเจนซี่รถทัวร์ก็ได้ การจัดทริปสไตล์การเที่ยวของแต่ละคนว่าจะไปที่ไหนก่อน แต่แนะนำว่าให้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ภูเขาทรายค่ะ จะเป็นโมเม้นต์ที่ฟินสุดๆ เลย!
06.เมืองเก่าฮอยอัน (Hoi An Old Town)
ฮอยอันเป็นเมืองหลวงของประเทศเวียดนามในปัจจุบันนี้ และเคยเป็นเมืองท่าสำหรับการค้าขายช่วงยุคศตวรรษที่ 15 – 19 เมืองนี้มีตึกรามบ้านช่องที่ถูกปลูกสร้างขึ้นด้วยวัฒนธรรมที่ผสมผสานจากหลากหลายประเทศรวมเข้าด้วยกัน จึงทำให้ที่นี่นั้นเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์สืบมาเป็นมรดกอันล้ำค่า
07.เมืองเว้ สุสานพระราชวงศ์เหงียน (Hue, The Nguyen Dynasty Tombs)
เมืองเว้ เมืองหลวงเก่าของประเทศเวียดนาม ตั้งที่อยู่ในภาคกลาง ซึ่งถูกยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 1945 เป็นเมืองที่รวบรวมวัฒนธรรมตกทอดมาจากจีนโดยแท้ ซึ่งแตกต่างจากเมืองอื่นๆ ในเวียดนามที่จะมีความเป็นยุโรปเขามาผสม แต่ที่เมืองเว้ได้ถูกแต่งเติมไปด้วยสิ่งก่อสร้างแบบจีนโบราณ และประวัติจากประเทศจีนอย่างอัดแน่นกันเลยทีเดียว
สุสานพระราชวงศ์เหงียน (The Nguyen Dynasty Tombs) เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมืองเว้ ที่นี่ถูกสร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยของ ประกอบไปด้วย ทางเดินเข้าต้องผ่าน กำแพงซุ้มประตู 3 ชั้น ศาลกราบไหว้ ทะเลสาบ ศาลาในน้ำ และสุสานที่ฝังศพของพระราชวงศ์เหงียน
08.หาดญาจาง (Nha Trang Bay)
ญาจางเป็นเมืองที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความสวยของชายหาดและการดำน้ำในทะเลน้ำลึก ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติและทำรายได้ให้เวียดนามอย่างมหาศาล อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวนั้นเรียกว่าเป็นหัวใจหลักของเมืองนี้เลยทีเดียว รวมทั้งที่นี่ยังเป็นท่าต่อเรือและที่จอดเรือยอร์ชประจำปีจากประเทศฮ่องกงด้วยค่า สถานที่ที่นิยมในกลุ่มนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดนั่นก็คือ ชายหาดญาจาง
09.เกาะฟูก๊วก (Phu Quoc island)
ฟูก๊วก เกาะใหม่ทางตอนใต้ของประเทศเวียดนาม เค้าบอกว่าน้ำใส เกาะสะอาด ผู้คนที่นั่นยังเป็นมือใหม่สำหรับการต้อนรับนักท่องเที่ยวมากๆ ฟัฟูก๊วก เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ตั้งอยู่ในอ่าวไทย บนพื้นที่ของจังหวัดเกียนซาง เกาะฟูก๊วกมีเกาะใหญ่และเกาะเล็กน้อยอีก 21 เกาะ ศูนย์กลางของเมืองคือเซืองโดง อยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะ คนพื้นที่จะทำอาชีพประมง เกษตรกรรมและการท่องเที่ยวเป็นหลัก และเดิมทีที่นี่ยังเคยเป็นที่ตั้งของคุกคุมขังของคนเวียดนามในสมัยฝรั่งเศสล่าอาณานิคมอีกด้วย
10.ถ้ำซันดอง (Son Doong Cave)
ถ้ำ Son Doong Cave (ซันดอง) เวียดนาม ถ้ำโบราณที่สุดในโลก มีอายุประมาณ 2-5 ล้านปี ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ภายในหุบเขา ถูกพบโดยคนท้องถิ่นในปี 1991 แต่ยังไม่มีการเข้าไปสำรวจใดๆ เนื่องจากชาวบ้านพากันหวาดกลัวต่อเสียงประหลาดที่ดังจากข้างในถ้ำ กระทั่งในปี 2009 คณะสำรวจจากอังกฤษจึงได้เดินทางมาบุกเบิก และพบว่าเสียงประหลาดนั้นเกิดจากเสียงน้ำที่ไหลอยู่ภายในถ้ำนั่นเอง
ถ้ำซันดอง เวียดนาม ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Phong Nha-Ke Bang จังหวัด Quang Binh ใกล้พรมแดนระหว่างประเทศเวียดนาม และลาว ภายในอุทยานแห่งชาตินี้ยังมีพื้นที่อีกมากมายที่นักสำรวจยังไปไม่ถึง อีกทั้งการสำรวจยังทำได้เฉพาะช่วงหน้าแล้งเท่านั้น
11.สวนดอกไม้เมืองหนาว เมืองดาลัด (Flower Garden Dalat)
สวนดอกไม้เมืองหนาวจะตั้งอยู่ที่ปลายสุดของทะเลสาบห่างออกจากตัวเมืองไปประมาณ 2 กิโลเมตร ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็นทำให้ที่นี่สามารถปลูกดอกไม้หายากได้หลากหลายชนิด เช่น กุหลาบมิโมซ่า ดอกกล้วยไม้ป่า ดอกไฮเดรนเยีย ดอก Forget Me Not และ ดอกไม้อื่นๆ รวมกว่า 300 ชนิดค่า ถ้ามาที่นี่ไม่ว่าฤดูไหน เราก็ได้เห็นดอกไม้ของเมืองนี้บานอยู่ตลอดทั้งปี
12.เครซี่เฮาส์ หรือ ฮังญา เกสต์เฮาส์ (Crazy House or Hang Nga’s Guesthouse)
ฮังญา เกสต์เฮาส์เป็นที่รู้จักกันในชื่อ เครซี่เฮาส์ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนเป็นอย่างมาก โดยเริ่มแรกที่นี่สร้างขึ้นเพื่อให้บริการด้านห้องพักเพียงอย่างเดียวจากแรงบันดาลใจของลูกสาวประธานาธิบดีต้วน ในช่วงที่ครอบครัวของเธอกำลังจะล้มละลาย เธอต้องการโชว์ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ให้คนได้เห็น เธอจึงเสนอแผนการสร้างครั้งนี้เพื่อกู้เงินจากธนาคาร แต่ว่ามันกลับล้มเลว ดังนั้นนอกจากความคิดที่จะทำเป็นห้องพักแล้ว เธอมีไอเดียว่าจะขายตั๋วสำหรับเข้าชมให้เข้าชม เพื่อให้คนได้มาเสพความเป็นศิลปะที่ไม่เหมือนใครของเธออีกด้วยค่ะ
13.อุโมงค์กู๋จี โฮจิมินห์ (Cu Chi tunnel, Ho Chi Minh)
อุโมงค์กู๋จี สถานที่ที่ถูกเก็บรักษาไว้เพื่อรำลึกถึง “สงครามเวียดกง” หรือ สงครามคอมมิวนิสต์ระหว่างเวียดนามและอเมริกา ซึ่งอุโมงค์หรือหลุมเหล่านี้ถูกขุดสร้างขึ้นโดยมือทหารเวียดนามในสงครามในช่วงปลายศตวรรษ 1940 อุโมงค์เหล่านี้ค่อยๆ ถูกขยายเป็นวงกว้างราว 250 กิโลเมตร เริ่มต้นจากเมืองไซง่อนจนไปถึงเขตดินแดนกัมพูชา เรียกกันว่า “อุโมงค์หนู”
14.สุสานโฮจิมินห์ ฮานอย (Ho Chi Minh’s Mausoleum, Hanoi)
สุสานโฮจิมินห์ (Ho Chi Minh’s Mausoleum) เป็นที่พำนักร่างของผู้นำปฏิวัติโฮจิมินห์ สุสานตั้งอยู่ในกลางจัตุรัส Ba Dinh ซึ่งเคยเป็นที่ที่ประธานโฮได้ตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนาม หลังจากประธานโฮเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1969 ก็ได้มีการอ่านประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ขึ้นที่กลางจัตุรัสนี้เมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1945 หลังจากนั้นก็ได้เริ่มก่อสร้างสุสานแห่งนี้ขึ้นและเปิดให้เข้าชมในปี 29 สิงหาคม ค.ศ. 1947
15.ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta)
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งกินพื้นที่ถึง 39,000 ตารางกิโลเมตร และตั้งอยู่บนพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเวียดนาม ดินดอนแห่งนี้เกิดขึ้นได้จากการที่แม่น้ำโขงนั้นมีต้นกำเนิดมากจากที่ราบสูงทิเบต โดยแม่น้ำสายนี้จะไหลผ่านทั้งหมด 7 ประเทศ ลงสู่น่านน้ำทะเลจีนใต้ จึงทำให้เกิดการสะสมตัวของตะกอนในลักษณะดินดอน คนเวียดนามให้ชื่อกับที่นี่ว่า “ชามข้าวของชาวเวียดนาม” เพราะพื้นที่ส่วนนี้เป็นแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลกนั่นเองค่า
16.ถ้ำฟองญา (Phong Nha Caves)
ถ้ำฟองญา (Phong Nha Cave) ในอุทยานแห่งชาติฟองญา (Phong Nha) ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1899 ในช่วงสมัยสงครามอเมริกา ถ้ำแห่งนี้ถูกใช้งานเป็นโรงพยาบาล หลังจากนั้นมีกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้เริ่มออกสำรวจ พบว่าถ้ำมีขนาดกว้าง 7,729 เมตร สูง 50 เมตร และมีความลึกของระดับน้ำถึง 83 เมตร ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2003 และยังเป็นที่ตั้งของเทือกเขาหินปูนที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งมีอายุมากกว่า 400 ล้านปี
ทั้ง 16 จุดดังกล่าวน่าสนใจไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ! แล้วแบบนี้จะรออะไรล่ะค้นหาตั๋วเครื่องบิน หยิบกระเป๋า แพ็คเสื้อซาซิโอ แล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ!!
เที่ยวเวียดนาม #ZAZIO #ซาซิโอ #MinimalistStreetwear #เสื้อยืดคอกลม